พบผลตรวจแล้วหญิงชาวเยอรมัน ไม่ใช่ไข้กาฬหลังแอ่น

จากกรณีที่พบหญิงชาวเยอรมัน ป่วยและเสียชีวิตจากโรคไข้กาฬหลังแอ่น ที่จังหวัดชลบุรีนั้น ผลการตรวจเลือดยืนยันว่าผู้ป่วยเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือด ไม่ใช่โรคไข้กาฬหลังแอ่นแต่อย่างใด โดยโรคไข้กาฬหลังแอ่น ไม่ใช้โรคใหม่ พบได้ทั่วโลกเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่าไนซีเรีย มินิงไจติดีส (Neisseria meningitides) สถานการณ์ในประเทศไทย ขณะนี้พบได้น้อยมาก ซึ่งเป็นผลมาจากระบบการควบคุมป้องกันที่ดี โดยพบผู้ป่วยประปรายปีละ 20-30 ราย ในช่วง 5 ปีหลังนี้ พบน้อยกว่า 20 ราย เสียชีวิตประมาณ 2 ราย ประชาชนจึงไม่ต้องวิตกกังวล โรคนี้มียาป้องกันและมียารักษาหายขาด   
       กรมควบคุมโรคได้เฝ้าระวังโรคไข้กาฬหลังแอ่นต่อเนื่อง จำนวนผู้ป่วยลดลงไม่มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อน โดยในปี 2558 สำนักระบาดวิทยารายงาน พบผู้ป่วยทั่วประเทศ 4 ราย เสียชีวิต 1 ราย โรคนี้ติดต่อได้โดยการสัมผัสใกล้ชิด ทางน้ำมูก น้ำลาย สารคัดหลั่งต่างๆของผู้ป่วย อาการป่วยคือ เริ่มจาก มีไข้สูง ปวดศีรษะ อาเจียน ชัก คอแข็งเนื่องจากเยื่อหุ้มสมองอักเสบอย่างรุนแรง ส่วนใหญ่จะมีจุดเลือดออกใต้ผิวหนังเป็นจุดแดงทั่วตัว ต่อมาเปลี่ยนเป็นจุดสีคล้ำ จนกลายเป็นสะเก็ดสีดำ จึงเรียกว่าไข้กาฬหลังแอ่น เชื้อมีระยะฟักตัว 2-10 วัน นานสุด 11วัน   
    “โรคไข้กาฬหลังแอ่นเป็นได้กับคนทุกกลุ่มอายุ มักพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งมักเป็นกลุ่มที่สุขอนามัยไม่ดี ร่างกายอ่อนแอ มีภูมิต้านโรคน้อย โรคนี้ติดต่อกันยาก ยกเว้นคนใกล้ชิด รักษาหายได้มียาฆ่าเชื้อ ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะที่มีใช้ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ
      กรมควบคุมโรคแนะนำว่า ในการป้องกันโรค ประชาชนต้องพักผ่อนออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและควรหมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ ผู้ที่มีอาการไอ ไม่ว่าจะป่วยเป็นโรคใดๆก็ตาม ต้องคาดหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันเชื้อแพร่กระจายไปสู่คนอื่นๆ โรคนี้มักมีการระบาดในบางพื้นที่ เช่นที่ตะวันออกกลางหรือแอฟริกา หากจำเป็นต้องเดินทางในเขตที่มีการระบาด ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคก่อนเดินทาง  ทั้งนี้หากประชาชนที่สงสัยอาจสัมผัสกับผู้เสียชีวิต มีอาการป่วย มีไข้สูง ปวดศีรษะ อาเจียน มีรอยผื่นเลือดออกใต้ผิวหนัง ควรรีบไปพบแพทย์ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422