แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สงกรานต์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สงกรานต์ แสดงบทความทั้งหมด

ยอดอุบัติเหตุสะสมทั่วประเทศ ช่วงสงกรานต์ 5 วัน ตาย 251 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 2000+ กว่าราย

วันนี้เราจะมารายงานแจ้งยอดอุบัติเหตุสะสมทั่วประเทศ โดยจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดคือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 5 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดคือ จังหวัดนครศรีธรรมราช 33 ราย รวมสถิติอุบัติเหตตุทางถนนระหว่างวันที่ 9 -13 เมษายน มีอุบัติเหตุรวม 2,406 ครั้ง บาดเจ็บ 2,532 คน เสียชีวิต 251 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด คือจังหวัดนครศรีธรรมราช 94 ครั้ง จังหวัดที่เสียชีวิตสะสมสูงสุด คือ จังหวัดร้อยเอ็ด 11 ราย ส่วนจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดคือจังหวัดนครศรีธรรมราช 98 ราย ส่วนจังหวัดที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต 10 จังหวัด คือ จังหวัดตรัง จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดพิจิต จังหวัดภูเก็ต จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดยะลา จังหวัดเลย จังหวัดราชบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรปราการ ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 44.26% ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 24.44 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.83% โดยมีพฤติกรรมเสี่ยงจากการไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 29.46% ขอให้ทุกท่านจงระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนช่วงสงกรานต์ด้วยนะครับ ด้วยความห่วงใยจาก ไทยสาระโพสต์

กรมอนามัย รณรงค์ล้างตลาดและล้างส้วม สกัดโรค ในช่วงสงกรานต์นี้

กรมอนามัย รณรงค์ล้างตลาด และล้างส้วมสาธารณะ เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อโรค ลดการเจ็บป่วย ช่วยผู้บริโภคมีสุขภาพและสร้างสุขอนามัยที่ดี
         วันนี้ (10 เมษายน 2558) นายพิษณุ  แสนประเสริฐ  รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ล้างตลาดและส้วมพร้อมกัน...รับวันสงกรานต์ ณ ตลาดเจ้าพรหม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า รัฐบาลได้กำหนดให้ปี 2558 เป็นปีการท่องเที่ยววิถีไทย ซึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ เดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ลดการเจ็บป่วย   ให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวอย่างมีความสุข กรมอนามัยได้ร่วมมือกับภาคีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน รณรงค์ล้างตลาดและล้างส้วมสาธารณะ สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในช่วงหน้าร้อนที่มักป่วยด้วยโรคที่เกิดจากอาหารและน้ำเป็นสื่อ อาทิ อุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ อหิวาตกโรค บิดและไข้ไทฟอยด์ เป็นต้น โดยเฉพาะโรคอุจจาระร่วงมีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งนี้ ตลาดสดเป็นแหล่งที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค เนื่องจากเป็นจุดรวมในการจับจ่ายสินค้าอาหารของประชาชนผู้บริโภค ในช่วงหน้าร้อนที่มักเกิดโรคระบาดได้ง่าย ผู้ประกอบการควรมีการล้างตลาดตามหลักสุขาภิบาลอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือหากอยู่ในช่วงที่มีการระบาดของโรคควรล้างตลาดเดือนละ 2-3 ครั้ง โดยเน้น 3 จุดสำคัญ ได้แก่ พื้น เขียง แผง เพราะเป็นจุดที่อยู่ใกล้ชิดและสัมผัสอาหารมากที่สุด จึงเป็นเส้นทางผ่านเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ ซึ่งการล้างตลาดที่ถูกหลักสุขาภิบาลมี 2 ขั้นตอนสำคัญ คือ ขั้นที่ 1 การล้างด้วยน้ำและผงซักฟอกเพื่อกำจัดคราบสกปรก และขั้นที่ 2 การฆ่าเชื้อโรคโดยใช้น้ำผสมผงปูนคลอรีนใส่ลงในฝักบัวรดน้ำ และรดบริเวณพื้นทางเดิน เขียง แผง ทางระบายน้ำเสียให้ทั่ว จากนั้นปล่อยทิ้งไว้เพื่อให้คลอรีนฆ่าเชื้อโรคและกำจัดกลิ่น ส่วนบริเวณที่มีกลิ่นคาว ให้ใช้หัวน้ำส้มสายชูผสมน้ำให้เจือจางราดบริเวณที่มีกลิ่นคาว แล้วล้างด้วยน้ำเพื่อทำความสะอาด
          นายพิษณุ กล่าวต่อไปว่า สำหรับส้วมสาธารณะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องเฝ้าระวังความสะอาดโดยเฉพาะ 6 จุดเสี่ยง ได้แก่ 1) สายฉีดน้ำชำระ 2) พื้นห้องส้วม 3) ที่รองนั่งส้วมแบบนั่งราบ 4) ที่กดน้ำ 5) ก๊อกน้ำ และ 6) กลอนประตู ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ เช่น ท้องเสีย อุจจาระร่วง บิด ไทฟอยด์ ไวรัสตับอักเสบชนิดเอ ที่สามารถติดต่อจากการสัมผัสสิ่งขับถ่ายที่ปนเปื้อนเชื้อโรค    จึงต้องมีการทำความสะอาดเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณห้องน้ำ ห้องส้วม อ่างล้างมือ ที่ปัสสาวะ ก๊อกน้ำต้องทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาทำความสะอาดหรือผงซักฟอกช่วยและล้างด้วยน้ำสะอาด จะเป็นการลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรคและขณะเดียวกัน ผู้ใช้บริการควรมีพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะอย่างถูกต้อง คือ 1) ไม่ขึ้นไปเหยียบบนโถส้วมแบบนั่งราบ 2) ไม่ทิ้งวัสดุอื่นใดนอกจากกระดาษชำระลงโถส้วม 3) ราดน้ำหรือกดชักโครกทุกครั้งหลังการใช้ส้วม และ 4) ล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดทุกครั้งหลังใช้ส้วมเพื่อช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดของส้วมในสถานบริการและลดจุดเสี่ยงของการเป็นแหล่งแพร่ระบาดของโรคในช่วงหน้า
 
        “ทั้งนี้ การดำเนินงานพัฒนาตลาดสดน่าซื้อและพัฒนาส้วมสาธารณะที่ผ่านมา ศูนย์อนามัยที่ 1 ร่วมกับภาคีเครือข่ายดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามนโยบายกรมอนามัยในการดำเนินงานพัฒนาตลาดสดน่าซื้อ โดยปัจจุบันมีตลาดสดน่าซื้อในระดับดีและดีมาก จำนวน 55 แห่ง จากจำนวนตลาดสดประเภทที่ 1 ทั้งหมด 60 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 91.7 และยังมีตลาดอีก 5 แห่ง ที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ จึงต้องเร่งให้มีการพัฒนาตามแผนบูรณาการอาหารปลอดภัยของจังหวัด รวมถึงการพัฒนายกระดับตลาดสดประเภทที่ 2     ให้เป็นตลาดนัดน่าซื้อต้นแบบ อีกจำนวน 15 แห่ง อีกด้วย สำหรับผลการดำเนินงานพัฒนาส้วมสาธารณะในพื้นที่เขต 1              ทั้ง 12 ประเภท ได้แก่ สถานศึกษา สถานที่ราชการ โรงพยาบาล ศาสนสถาน สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ท่องเที่ยว สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สถานีขนส่งทางบกทางอากาศ ส้วมสาธารณะริมทาง ร้านจำหน่ายอาหารและตลาดสด ผ่านเกณฑ์ HAS ร้อยละ 69.82 ขณะเดียวกัน ระหว่างปี 2549-2557 ยังได้รับรางวัลสุดยอดส้วมระดับประเทศ ถึงจำนวน 21 แห่ง อาทิ ว้ดท่าการ้อง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โรงเรียนวัดใหญ่ชัยมงคล (ภาวนารังสี) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตลาดกลางบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เป็นต้น และในปีที่ผ่านมาได้รับรางวัลสุดยอดส้วมระดับเขต จำนวน 12 แห่ง อาทิ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลาดงา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โรงเรียนไตรราชวิทยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดชลประทานรังสฤษดิ์ จังหวัดนนทบุรี ตลาดสดรวมใจ จังหวัดนนทบุรี เทศบาลตำบลบางจัก จังหวัดอ่างทอง โรงเรียนวัดสุวรรณราชหงษ์ จังหวัดอ่างทอง และศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) เป็นต้น” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด

สธ.สั่งย้ำด่านชุมชนเข้มข้นสกัดกั้นคนเมาไม่ให้ขับวันมหาสงกรานต์ ระบุนมเปรี้ยวไม่ช่วยลดแอลกอฮอล์

กระทรวงสาธารณสุขกำชับด่านชุมชนสกัดเข้มเมาไม่ขับในวันมหาสงกรานต์ พร้อมเพิ่มกำลังแพทย์ พยาบาล หน่วยกู้ชีพ 2 เท่าตัว ชี้รอบ 4 วัน ด่านชุมชนได้ผลดีไม่พบเจ็บตาย เผยผลการตรวจเหล้า รอบ 11 วัน ก่อนและในช่วงสงกรานต์พบทำผิด 398 ราย ใน 36 จังหวัด ความผิดอันดับหนึ่ง คือ การส่งเสริมการขาย 165 ราย ส่วนผลการปฏิบัติงานหน่วยกู้ชีพ รอบ 4 วัน ออกเฉลี่ยเกือบทุก 1 นาที ชี้นมเปรี้ยวไม่ช่วยลดแอลกอฮอล์ในเลือด           วันนี้(13 เมษายน 2558)ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน กระทรวงมหาดไทย ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานของกระทรวงสาธารณสุข ในการรับมือกับปัญหาอุบัติเหตุจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า ในรอบ 4 วันที่ผ่านมาพบว่าได้ผลดี ประชาชนโทรแจ้งสายด่วนหมายเลข1669จำนวน 2,845 ครั้ง ทีมแพทย์กู้ชีพออกปฏิบัติงาน 4,445ครั้ง เฉลี่ยเกือบทุกนาที ในจำนวนนี้เป็นผู้บาดเจ็บสาหัส 3,740 ราย คิดเป็นร้อยละ 88 ของผู้บาดเจ็บทั้งหมด ทีมกู้ชีพออกปฏิบัติการได้ในเวลา 10 นาที ร้อยละ 81 ส่วนในโรงพยาบาลสามารถรับมือได้ดี           อย่างไรก็ตามในวันที่ 13 เมษายน 2558 เป็นวันมหาสงกรานต์ ซึ่งพบว่าทุกปีจะเป็นวันที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้สั่งการให้หน่วยงานในสั่งกัดเข้มข้น ใน 3 มาตรการ ได้แก่ 1.ด่านชุมชนสกัดไม่ให้มีการเมาแล้วขับ โดยให้ อสม.ร่วมกับผู้นำชุมชนออกตรวจเตือนกลุ่มเสี่ยงให้ดื่มเหล้าในบ้าน ผู้ขับมอเตอร์ไซค์ให้ใส่หมวกกันน็อค ซึ่งจากการติดตามใกล้ชิดใน 8 จังหวัด 15 อำเภอ 160 ด่านชุมชน  เช่น บุรีรัมย์ ที่ อ.พุธไธสง ตั้ง 95 ด่าน สุโขทัย ที่ อ.ศรีสัชนาลัย ตั้ง 7 ด่าน ขอนแก่น ที่ อ.แวงน้อย ตั้ง 17 ด่าน เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2558 เป็นต้นมา ได้ผลดีมาก ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต   โดยได้สกัดผู้ที่ดื่มสุราได้หลายรายบางรายเป็นผู้ขับขี่ดื่มสุราและมีแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 223 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ได้สกัดไว้และให้ญาติมารับตัวกลับบ้าน   ซึ่งหากปล่อยให้ขับรถไปจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์กว่า 40 เท่าตัว ขอความร่วมมือสมาชิกครอบครัวและผู้ร่วมเดินทางช่วยดูแลผู้ขับขี่ที่สภาพร่ากายไม่พร้อม เช่น เมา หรือ ง่วง ไม่ให้ขับและควรพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมก่อนขับขี่             2.เพิ่มกำลังแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ประจำห้องฉุกเฉิน เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว ซึ่งขณะนี้เขตสุขภาพทุกเขตเตรียมพร้อมโรงพยาบาลและระบบการส่งต่อผู้ป่วยแบบไร้รอยต่ออย่างเต็มที่  3.ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ออกตรวจควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด           ทางด้านนายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ขณะนี้มีการแชร์ข้อความในโซเซียลมีเดียว่าการดื่มนมเปรี้ยวจะช่วยลดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดและจะตรวจไม่พบเมื่อเจ้าหน้าที่ให้เป่าในเครื่องตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ ขอชี้แจงว่าเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน นมเปรี้ยวไม่มีฤทธิ์ทำลายแอลกอฮอล์   ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด จะทำให้เป็นอันตรายกับผู้ที่ดื่มแล้วขับหรือเมาแล้วขับเพราะแอลกอฮอล์ยังอยู่ในเลือดเหมือนเดิม จึงขอให้ประชาชนช่วยกันแชร์ข้อมูลที่ถูกต้องหรือตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะแชร์เพื่อช่วยกันสร้างสังคมไทยให้ปลอดภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์           สำหรับผลการตรวจการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในรอบ 11 วัน ทั้งก่อนและช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตรวจทั้งหมดรวม 1,365 ราย ใน 36 จังหวัดทุกภาค พบผู้กระทำผิด 398 ราย ความผิดอันดับหนึ่ง คือ การส่งเสริมการขาย 165 ราย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 50,000 บาทจนกว่าจะเลิกโฆษณา ที่เหลือขาย ลด แลก แจก แถม 66 ราย ขายในสถานที่ต้องห้าม 33 ราย และขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 8 ราย ดื่มในที่ห้ามดื่ม เช่น บนถนน สวนสาธารณะ จำนวน 61 ราย ขายผิดเวลา 57 ราย